วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

เทคนิคการพิจารณาให้หน่วยงาน บุคคลภายนอก เข้าใช้สถานที่ประชาสัมพันธ์และแนะนำสินค้า ในพื้นที่ พธ.ทร.

Letter of Staff Division
ชื่อ – สกุล  จ.อ.พชร สาวเฮียะ เสมียนพลาธิการแผนกแผนและงบประมาณ บก.พธ.ทร.
เรื่อง  เทคนิคการพิจารณาให้หน่วยงาน บุคคลภายนอก เข้าใช้สถานที่ประชาสัมพันธ์และแนะนำสินค้า
ในพื้นที่ พธ.ทร.
วัตถุประสงค์ เพื่อให้การพิจารณาอนุญาตให้หน่วยงานและบุคคลภายนอก เข้าใช้สถานที่ เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทันเวลา และมีความเหมาะสม
เนื้อหา เนื่องจากปัจจุบันมีร้านค้าหรือบุคคลภายนอก ติดต่อขออนุญาตเข้ามาประชาสัมพันธ์สินค้า เป็นจำนวนมากพอสมควร ซึ่งการจะขออนุญาตเข้ามาใช้สถานที่ดังกล่าว ร้านค้าจะต้องทำหนังสือมาที่
ฝ่ายอำนวยการฯ เพื่อให้ หน.นฝอ.พธ.ทร. อนุมัติให้ สามารถเข้ามาดำเนินการได้ โดยวิธีและเทคนิคในการพิจารณาให้มีความรวดเร็ว เหมาะสม มีดังนี้
1.ดำเนินการตรวจสอบว่าหน่วยงาน หรือร้านค้า ที่ขออนุญาตใช้สถานที่ มีการดำเนินธุรกิจประเภทใด มีตัวตนจริงหรือไม่ โดยการตรวจสอบจากเว็บไซต์และโทรศัพท์ประสาน
2.ตรวจสอบประวัติการเข้ามาประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ พธ.ทร. ว่าเคยเข้ามาใช้พื้นที่ของ พธ.ทร. หรือไม่ มีความถี่มากน้อยเพียงใด
3.พิจารณาสถานที่ ที่เหมาะสมกับการประชาสัมพันธ์สินค้า บริการ ตรวจสอบความเหมาะสมของสินค้า
ว่าสมควรจะใช้บริเวณใด โดยในส่วนของ พธ.ทร. จะพิจารณาสถานที่ จำนวน 2 ที่ ได้แก่ บริเวณศูนย์อาหาร
วังเดิม
และ บริเวณหน้า มว.โยธาฯ
4.ตรวจสอบว่า สถานที่ดังกล่าวไม่ติดภารกิจ ในวันเวลาดังกล่าว

5.นโยบายผู้บังคับบัญชาเป็นสำคัญ..

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หลักเกณฑ์การสนับสนุนแถบหน้าหมวกให้กับกำลังพลของกองทัพเรือ

แถบหน้าหมวกเป็นส่วนประกอบเครื่องแต่งกายสำหรับกำลังพลทหารกองประจำการและนายทหารชั้นประทวนชั้นยศจ่าของกองทัพเรือ ซึ่งจะเป็นเครื่องหมายบ่งบอกหน่วยในสังกัดของทหารแต่ละนาย ทำให้ง่ายต่อการควบคุมบังคับบัญชา
ซึ่งแถบหน้าหมวกดังกล่าวมีหลักเกณฑ์การจ่าย ดังนี้
๑. ในกรณีที่ชื่อหน่วยหรือเรือต่าง ๆ ได้รับอนุมัติกำหนดชื่อหน่วยที่แถบหน้าหมวกไว้แล้ว ให้กำลังพลแต่ละนาย หรือหน่วยนั้น ๆ รวบรวมรายชื่อของกำลังพลแนบกับคำสั่งอนุมัติอัตรากำลังพลเพื่อเบิกจากคลังพลาธิการภายในพื้นที่ได้โดยตรง จำนวนนายละ ๒ แถบ
๒. ในกรณีที่เป็นหน่วยตั้งใหม่หรือเรือที่ขึ้นระวางใหม่ ให้เสนอขออนุมัติกำหนดชื่อหน่วยที่แถบหน้าหมวกจาก ทร.(ผ่าน กพ.ทร.) ก่อน เมื่อ ทร.อนุมัติแล้ว พธ.ทร.จะดำเนินการผลิตแถบหน้าหมวกสำหรับหน่วยตั้งใหม่ และแจกจ่ายให้กับกำลังพลในสังกัดของหน่วยนั้น ๆ ต่อไป โดยมีหลักเกณฑ์การเบิกเช่นเดียวกับข้อ ๑. กล่าวคือ หน่วยต้องแนบรายชื่อกำลังพลพร้อมทั้งคำสั่งบรรจุอัตรากำลังพลเพื่อขอเบิกจากคลังพลาธิการในพื้นที่

สำหรับการใช้แถบหน้าหมวกนั้น มีหลักเกณฑ์กำหนดไว้ตามระเบียบ ทร.ว่าด้วยเครื่องแบบและวิธีแต่งเครื่องแบบ พ.ศ.๒๕๒๙ ข้อ ๑๕. การใช้ชื่อแถบหน้าหมวก ของนายทหารประทวนชั้นจ่าและพลทหาร ฯ สังกัดหน่วยต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังตอ่ไปนี้
"๑๕.๑ ให้ใช้แถบหน้าหมวกกะลาสีตามผนวก ๓
๑๕.๒ หน่วยที่มิได้กำหนดชื่อแถบหน้าหมวกไว้โดยเฉพาะ ให้ใช้ชื่อแถบหน้าหมวกของหน่วยต้นสังกัดเหนือขึ้นไปหน่วยแรกที่กำหนดชื่อแถบหน้าหมวกไว้แล้ว
๑๕.๓ ผู้ที่ปฏิบัติราชการในหน่วยอื่นไม่ว่าเป็นการสมทบชั่วคราวหรือช่วยปฏิบัติราชการประจำ ให้ใช้ชื่อแถบหน้าหมวกของหน่วยที่ไปสมทบหรือช่วยปฏิบัติราชการนั้น"

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การจัดทำแผนกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลของ ทร. พ.ศ.2557 - 2558


      กพ.ทร.ไ้ด้จัดการสัมมนาเรื่อง การจัดทำแผนกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลของ ทร. พ.ศ.2557 - 2558 ตามแนวทาง HR Scorecard โดยได้จัดให้มีการบรรยายในการสัมมนาฯ เมื่อ 20 ส.ค.56 ณ โรงแรมรอยัลซิตี้ ซึ่ง ฝ่ายอำนวยการฯ ได้จัด น.ท.บุญเชิด ชัยชาติ หน.กำลังพล เป็นผู้แทน พธ.ทร.เข้า่ร่วมการสัมมนา 
 


ท่านสามารถดูเอกสารการบรรยายได้ที่ URL ข้างล่างนี้

http://info.navy.mi.th/person/upload/file/1252HRScorecard2556.pdf

ขั้นตอนการถักสายนกหวีดเรือ








http://www.youtube.com/watch?v=CPW4oscwRRI
สายนกหวีดเรือของชาวทหารเรือไทย นับเป็นเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายอย่างหนึ่งของกำลังทหารเรือชั้นยศ จ่า และพลทหารกองประจำการ ซึ่งก่อนที่จะนำสายนกหวีดเรือมาใช้งานต้องผ่านการผูกเงื่อนเชือกที่เรียกว่า "เงื่อนสายนกหวีดเรือ" เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยสวยงามก่อนนำมาใช้งาน ซึ่งลักษณะการใช้งานของสายนกหวีดเรือนั้น กำลังพล ทร. ชั้นยศจ่า และ พลทหาร ฯ จะใช้ผูกติดกับนกหวีดเรือและนำนกหวีดเรือซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อกลาสี สำหรับโอกาสที่ใช้นั้น ได้แก่ การเข้าเวรยามในตำแหน่งจ่ายาม หรือ การใช้ประกอบกับชุดกะลาสีสีขาว เป็นต้น สำหรับขั้นตอนการถักสายนกหวีดเรือนั้น สามารถรับชมได้จากวีดีโอตามลิ้งค์ด้านบน

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราหรือสนับสนุนชุดเสื้อกางเกงติดกันสีน้ำเงินดำ (ชุดหมี) ให้กับหน่วยต่าง ๆ ใน ทร.

การสนับสนุนชุดเสื้อกางเกงติดกันสีน้ำเงินดำ (ชุดหมี) ให้กับหน่วยต่าง ๆ ใน ทร. นั้น ใช้แนวทางการแจกจ่ายตามคำสั่ง ทร.ที่ ๒๒๒/๒๕๕๕ ลง ๓ ก.ค.๕๕ เรื่อง การกำหนดบัญชีอัตราการเบิกจ่ายเครื่องแบบตามประเภทกำลังพล โดยมีรายละเอียดระบุไว้ในส่วนของเครื่องแบบเฉพาะกาล (เครื่องแบบเมื่อปฏิบัติงานในเรือของทหารพรรคกลินเท่านั้น) ดังนี้
๑. พลทหารปีที่ ๑ หน่วยเรือ จำนวน ๑ ชุด
๒. พลทหารกองประจำการที่ขอเลื่อนปลดเพื่อทดแทนการเรียกเกณฑ์ปี ๒ จำนวน ๑ ชุด
๓. นายทหารประทวนชั้นจ่าชายหน่วยเรือ ปี ๒ จำนวน ๑ ชุด
๔. จ่าชายที่มาจากบุคคลพลเรือนหน่วยเรือ จำนวน ๒ ชุด
๕. นายทหารประทวนชั้นพันจ่าชายหน่วยเรือ จำนวน ๒ ชุด (จ่ายเพิ่มหมวกแก๊ปทรงอ่อนสีน้ำเงินดำ ๑ ใบ)
๖. นายทหารประทวนชั้นพันจ่าชายหน่วยเรือ ครบรอบ ๓ ปี จำนวน ๑ ชุด (จ่ายเพิ่มหมวกแก๊ปทรงอ่อนสีน้ำเงินดำ ๑ ใบ)
๗. นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๒ จำนวน ๑ ชุด (จ่ายเพิ่มปลอกหมวกสีน้ำเงินดำ ๑ ปลอก)

สำหรับหน่วยบกนั้น พธ.ทร. อนุโลมจ่ายชุดเสื้อกางเกงติดกันสีน้ำเงินดำ (ชุดหมี) ให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นนายทหารชั้นประทวนที่ต้องทำงานคลุกคลีกับสิ่งเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าและร่างกายอยู่เป็นประจำเท่านั้น เช่น งานที่เกี่ยวกับการซ่อมสร้าง, งานภายในคลังเก็บพัสดุต่าง ๆ เป็นต้น โดยอนุมัติจ่ายให้เป็นส่วนกลางประจำหน่วย และให้เบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อชำรุดหรือเสื่อมสภาพ

สำหรับลูกจ้างประจำนั้น ระเบียบเกี่ยวกับการแต่งกายไม่ได้ระบุให้แต่งแต่อย่างใด แต่ให้ พธ.ทร.พิจารณาจัดหาและแจกจ่ายให้แก่ลูกจ้างของ อร.,ฐท.สส., ฐท.สข. และ สพ.ทร.โดยให้ พธ.ทร. พิจารณาจัดหาและแจกจ่ายตามความจำเป็นและงบประมาณที่ได้รับเท่านั้น โดยอนุมัติจ่ายให้เป็นส่วนกลางประจำหน่วย และให้เบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อชำรุดหรือเสื่อมสภาพ (รายละเอียดตามอนุมัติ ทร. ท้ายบันทึก กพ.ทร. ที่ต่อ กพ.ทร. เลขรับ ๔๙๔๐/๓๐ ลง ๕ มิ.ย.๓๐ เรื่อง อร.ขอรับการสนับสนุนชุดเสื้อกางเกงติดกันสีน้ำเงินดำ)

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การกำหนดหมายเลขเครื่องแบบของ ทร.

๑. กพ.ทร.เสนอขอกำหนดหมายเลขเครื่องแบบที่ใช้ในงานพิธีและโอกาสต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความง่ายและสะดวกในการสั่งการและปฏิบัติ ซึ่งตามกฎกระทรวง (พ.ศ.๒๕๑๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๗ ว่าด้วยเครื่องแบบทหารเรือ ฉบับที่ ๑๖ กำหนดให้มีเครื่องแบบสำหรับกำลังพล ทร. ดังนี้
๑.๑ นายทหารสัญญาบัตรชาย ๑๖ ชนิด
๑.๒ พันจ่าชาย ๑๐ ชนิด
๑.๓ จ่าชายและพลทหาร ๘ ชนิด
๑.๔ นายทหารสัญญาบัตรหญิง ๑๒ ชนิด
๑.๕ พันจ่าหญิง ๑๐ ชนิด
๑.๖ จ่าหญิงและพลทหาร ๙ ชนิด
๒. จากการตรวจสอบเกี่ยวกับการแต่งกายไปในงานพระราชพิธี รัฐพิธี งานพิธีต่าง ๆ ของ กห. และ ทร. แล้ว เครื่องแบบของทหารชายและทหารหญิงที่มักจะต้องใช้ไปในงานพิธีต่าง ๆ อยู่เสมอ มีดังนี้
๒.๑ เครื่องแบบนายทหารสัญญาบัตรชาย
- เครื่องแบบหมายเลข ๑ : ปกติขาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๒ : ปกติขาวคอพับ แขนสั้น
- เครื่องแบบหมายเลข ๓ : ปกติกากีคอพับ แขนสั้น
- เครื่องแบบหมายเลข ๔ : ปกติกากีคอพับ แขนยาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๕ : ปกติกากีคอแบะ
- เครื่องแบบหมายเลข ๖ : ครึ่งยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๗ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๘ : สโมสรปกติ
- เครื่องแบบหมายเลข ๙ : ปกติน้ำเงินดำสำหรับใช้ในต่างประเทศที่มีอากาศหนาว
๒.๒ เครื่องแบบสำหรับพันจ่าชาย
- เครื่องแบบหมายเลข ๑ : ปกติขาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๒ : ปกติขาวคอพับ แขนสั้น
- เครื่องแบบหมายเลข ๓ : ปกติกากีคอพับ แขนสั้น
- เครื่องแบบหมายเลข ๔ : ปกติกากีคอพับ แขนยาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๕ : ปกติกากีคอพับ แขนยาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๖ : ครึ่งยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๗ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๘ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๙ : ปกติน้ำเงินดำสำหรับใช้ในต่างประเทศที่มีอากาศหนาว
๒.๓ เครื่องแบบสำหรับจ่าชายและพลทหาร
- เครื่องแบบหมายเลข ๑ : ปกติขาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๒ : ปกติขาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๓ : ปกติกากี
- เครื่องแบบหมายเลข ๔ : ปกติกากี
- เครื่องแบบหมายเลข ๕ : ปกติกากี
- เครื่องแบบหมายเลข ๖ : ครึ่งยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๗ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๘ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๙ : ปกติน้ำเงินดำสำหรับใช้ในต่างประเทศที่มีอากาศหนาว
๒.๔ เครื่องแบบสำหรับนายทหารสัญญาบัตรหญิง
- เครื่องแบบหมายเลข ๑ : ปกติขาวคอแบะ
- เครื่องแบบหมายเลข ๒ : ปกติขาวคอเปิด
- เครื่องแบบหมายเลข ๓ : ปกติลำลองคอพับ แขนสั้น
- เครื่องแบบหมายเลข ๔ : ปกติลำลองคอพับ แขนยาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๕ : ปกติลำลองคอเปิด
- เครื่องแบบหมายเลข ๖ : ครึ่งยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๗ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๘ : สโมสรเต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๙ : ปกติน้ำเงินดำสำหรับใช้ในต่างประเทศที่มีอากาศหนาว
๒.๕ เครื่องแบบสำหรับพันจ่าหญิง
- เครื่องแบบหมายเลข ๑ : ปกติขาวคอแบะ
- เครื่องแบบหมายเลข ๒ : ปกติขาวคอเปิด
- เครื่องแบบหมายเลข ๓ : ปกติลำลองคอพับ แขนสั้น
- เครื่องแบบหมายเลข ๔ : ปกติลำลองคอพับ แขนยาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๕ : ปกติลำลองคอเปิด
- เครื่องแบบหมายเลข ๖ : ครึ่งยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๗ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๘ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๙ : ปกติน้ำเงินดำสำหรับใช้ในต่างประเทศที่มีอากาศหนาว
๒.๖ เครื่องแบบสำหรับจ่าหญิง
- เครื่องแบบหมายเลข ๑ : ปกติขาวคอเปิด
- เครื่องแบบหมายเลข ๒ : ปกติขาวคอเปิด
- เครื่องแบบหมายเลข ๓ : ปกติลำลองคอพับ แขนสั้น
- เครื่องแบบหมายเลข ๔ : ปกติลำลองคอพับ แขนยาว
- เครื่องแบบหมายเลข ๕ : ปกติลำลองคอเปิด
- เครื่องแบบหมายเลข ๖ : ครึ่งยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๗ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๘ : เต็มยศ
- เครื่องแบบหมายเลข ๙ : ปกติน้ำเงินดำสำหรับใช้ในต่างประเทศที่มีอากาศหนาว

แหล่งข้อมูล : บันทึก กพ.ทร. ที่ กห ๐๕๐๓/๒๘๕๓ ลง ๑๓ มี.ค.๔๑ เรื่อง การกำหนดหมายเลขเครื่องแบบ



การแต่งกายชุดกะลาสีเป็นเจ้าหน้าที่บริการ

๑. การแต่งเครื่องแบบชุดกะลาสีสีกากีและเครื่องแบบชุดกะลาสีสีขาวของเจ้าหน้าที่บริการ พธ.ทร. ในการไปปฏิบัติงานบริการในงานเลี้ยงต่าง ๆ ทั้งในและนอก ทร.นั้น พธ.ทร. มิได้กำหนดการแต่งกายไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นประเพณี โดยปฏิบัติ ดังนี้
๑.๑ เครื่องแบบชุดกะลาสีสีขาว แต่งกายไปในงานเลี้ยงที่เป็นพิธีการ เช่น งานที่ ทร.เป็นเจ้าภาพ งานวันคล้ายวันสถาปนาหน่วยขึ้นตรงใน ทร. งานวันกองทัพเรือ งานถวายพระกระยาหาร งานพิธีการต่าง ๆ และงานอื่น ๆ ตามที่เจ้าภาพร้องขอ
๑.๒ เครื่องแบบชุดกะลาสีสีกากี แต่งกายไปในงานเลี้ยงที่ไม่เป็นพิธีการ เช่น งานประชุมของกรม กองต่าง ๆ ที่ไม่มีบุคคลภายนอกเข้าร่วมประชุมด้วย

๒. จากหลักปฏิบัติดังกล่าวตามข้ัางต้น กพ.ทร. ได้หารือกับ พธ.ทร. เพื่อกำหนดการแต่งกายเครื่องแบบชุดกะลาสีสีขาวและสีกากีเป็นเจ้าหน้าที่บริการในงานเลี้ยงต่าง ๆ แล้ว รายละเอียดตามบันทึก พธ.ทร. ที่ กห ๐๕๒๔/๔๐๗๓ ลง ๓๐ พ.ย.๔๔ เรื่อง การแต่งกายชุดกะลาสีของเจ้าหน้าที่บริการ พธ.ทร. ซึ่งมีหลักปฏิบัติ ดังนี้
๒.๑ เครื่องแบบชุดกะลาสีสีขาว แต่งกายไปในงานเลี้ยงทั้งงานราชการและมิใช่งานราชการที่เป็นพิธีการและเจ้าภาพเป็นทหารเรือมียศตั้งแต่ น.อ.พิเศษขึ้นไป เป็นผู้ร้องขอ
๒.๒ เครื่องแบบชุดกะลาสีสีกากี แต่งกายไปในงานเลี้ยงที่ไม่เป็นพิธีการ ทั้งงานราชการและมิใช่งานราชการ เช่น งานการประชุมของกรม กองต่าง ๆ ตลอดจนงานต่าง ๆ ที่เจ้าภาพเป็นทหารเรือมียศตั้งแต่ น.อ.พิเศษขึ้นไป เป็นเจ้าภาพหรือเจ้าของงานโดยตรง
๓. สำหรับงานจัดเลี้ยงทั่วไปนอกเหนือจากข้อ ๑. และ ๒. ให้ พธ.ทร.เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบการแต่งกายของเจ้าหน้าที่บริการตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี
๔. กรณีที่มีทหารซึ่งมิใช่ทหารเรือแต่งกายด้วยเครื่องแบบชุดกะลาสีเป็นเจ้าหน้าที่ในงานเลี้ยงต่าง ๆ ภายนอก ทร. นั้น เห็นควรให้ พธ.ทร. ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบในการจัดเลี้ยงทั้งในและนอก ทร.ตรวจสอบ และหากพบผู้มีพฤติกรรมดังกล่าวให้ทักท้วงและชี้แจงให้ผู้นั้นทราบในโอกาสแรก

แหล่งข้อมูล: บันทึก กพ.ทร. ที่ กห ๐๕๐๓/๑๐๑๖ ลง ๑๗ ม.ค.๔๕ เรื่อง การแต่งกายชุดกะลาสีเป็นเจ้าหน้าที่บริการ

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ท่านทราบหรือไม่...เมื่อมีเหตุต้องประสบภัยพิบัติ ทำให้นายทหารสัญญาบัติต้องสูญเสียเครื่องแบบหรือเครื่องประกอบ ฯ ท่านได้รับสิทธิ์อะไรบ้าง

ตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยอัตราการจ่ายเครื่องแต่งกายและเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายสำหรับนายทหารสัญญาบัตร พ.ศ.๒๕๐๙ ข้อ ๔.
"ผู้ที่ได้รับเครื่องแต่งกายและเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายไปแล้ว หากต้องประสบภัยพิบัติ เช่น อัคคีภัย อุทกภัย วาตภัย เป็นต้น และได้สูญเสีย
เครื่องแต่งกายและเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายไปโดยมิได้เกิดจากการกระทำของผู้เสียหายแล้ว ก็ให้หัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม
หรือผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติจ่ายเครื่องแต่งกายและเครื่องประกอบเครื่องแต่งกาย
ตามที่ได้สูญเสียไปจริง แต่ต้องไม่เกินอัตราการจ่ายที่กำหนดไว้ท้ายระเบียบนี้"

อัตราการจ่ายเครื่องแต่งกายและเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายสำหรับนายทหารสัญญาบัตร (เฉพาะ ทร.)
๑. นายทหารสัญญาบัตรทั่วไป
๑.๑ กะบังหน้าหมวกใบชัยพฤกษ์ จำนวน ๒ อัน
๑.๒ ตราหน้าหมวก จำนวน ๑ อัน
๑.๓ สายรัดคางทอง จำนวน ๑ สาย
๑.๔ อินทรธนูและเครื่องหมายยศพร้อม จำนวน ๒ คู่
๑.๕ เครื่องหมายยศติดคอเสื้อ จำนวน ๒ คู่
๑.๖ เข็มขัด จำนวน ๑ สาย
๑.๗ กระบี่ จำนวน ๑ เล่ม
๑.๘ พู่กระบี่ดิ้นทอง จำนวน ๑ พู่
๑.๙ สายกระบี่ จำนวน ๑ สาย
๑.๑๐ สายกระบี่เต็มยศ จำนวน ๑ สาย
๑.๑๑ ดุมโลหะใช้กับเสื้อ จำนวน ๑ ชุด
๒. นายทหารสัญญาบัตรที่ได้รับแต่งตั้งเป็นราชองครักษ์
๒.๑ อักษรพระปรมาภิไธยย่อ จำนวน ๑ อัน
๒.๒ อินทรธนูถักด้วยไหมทอง จำนวน ๑ อัน
๒.๓ เครื่องหมายราชองครักษ์ประจำ จำนวน ๑ คู่

แหล่งข้อมูล : ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยอัตราการจ่ายเครื่องแต่งกายและเครื่องประกอบเครื่องแต่งกายสำหรับนายทหารสัญญาบัตร พ.ศ.๒๕๐๙

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แนวทางการสนับสนุนเสื้อชูชีพให้กับหน่วยเรือของ ทร.

     ในปีงบประมาณ ๒๒ ร.ล.มกุฎราชกุมาร ขอให้ พธ.ทร. จัดหาเสื้อชูชีพทดแทนของเดิมที่ชำรุด โดยขอให้เปลี่ยนชนิดจากชนิดพยุงคอหรือพยุงอก เป็นชนิดเป่าลม เนื่องจากเสื้อชูชีพชนิดเดิมมีขนาดใหญ่ มีส่วนยื่นพ้นออกออกมา จึงกีดขวางการปฏิบัติงานของผู้สวมใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฏิบัติงานในที่คับแคบ

      จากเหตุผลตามข้างต้น ยก.ทร.ได้มีบันทึกเสนอ กร. เพื่อชี้แจงความเข้าใจในหลักเกณฑ์การใช้เสื้อชูชีพสำหรับหน่วยเรือดังนี้
       การใช้เสื้อชูชีพสำหรับพลประจำเรือมีความต้องการอยู่ ๒ ลักษณะ คือ
       ลักษณะ ๑ ผู้ใช้สามารถช่วยตัวเองได้ ได้แก่ผู้ปฏิบัติงานใต้ดาดฟ้าเรือในห้องที่มิดชิด ผู้ใช้ลักษณะนี้จะต้องสามารถเคลื่อนตัวออกไปภายนอกได้ จึงมีความสามารถใช้เสื้อชูชีพได้ทุกชนิด การพิจารณาจะใช้เสื้อชูชีพชนิดใดขึ้นอยู่กับความคล่องตัวในการปฏิบัติงานเป็นหลัก จึงเป็นการสมควรใช้เสื้อชูชีพชนิดเป่าลม เพราะไม่เกะกะ แต่เนื่องด้วยเสื้่อชูชีพชนิดเป่าลมมีราคาสูงและบำรุงรักษายากกว่าชนิดพยุงอกหรือพยุงคอ แต่เมื่อพิจารณาถึงการปฏิบัติงานที่ต้องการความคล่องตัวในที่แคบเพื่อจะใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและต้องการความรวดเร็วแล้ว เห็นว่าคุ้มค่า ในด้านการบำรุงรักษา สมควรให้ทางเรือได้ปฏิบัติโดยถูกต้อง ก็จะลดปัญหาเรื่องความเสื่อมสภาพลงได้ และบนเรือรุ่นใหม่ย่อมมีสถานที่เก็บรักษาได้ดี ส่วนการฝึกหรือทดสอบนั้น สามารถกระทำได้ตามระยะเวลา โดยทดสอบเป็นบางตัวด้วยวิธีสุ่ม
      ลักษณะ ๒ ผู้ใช้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานบนดาดฟ้าและเป็นงานที่มีลักษณะอันอาจพลัดตกน้ำได้ในอาการที่หมดสติ เช่น พลประจำปืนบนดาดฟ้าหรือนอกป้อม การรับส่งสิ่งของในทะเล การปล่อยอุปกรณ์การทุ่นระเบิดและอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน จึงเห็นสมควรให้ใช้เสื้อชูชีพชนิดพยุงอกหรือพยุงคอ ดังนั้น การใช้่เสื้อชูชีพบนเรือจึงสมควรมีเสื้อชูชีพทั้ง ๒ ชนิด แต่ละชนิดจะมีจำนวนเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติงานของเรือต่าง ๆ หากในกรณีที่สามารถพิจารณาแล้วใช้ได้ทั้ง ๒ ชนิด ก็ให้พิจารณาใช้ชนิดพยุงอกหรือพยุงคอเป็นอันดับแรก ส่วนการจัดหานั้นให้จัดหาทดแทนเมื่อของเดิมชำรุด

แหล่งข้อมูล: บันทึก ยก.ทร. ที่ต่อ ยก.ทร. รับที่ ๗๔๐/๒๒ ลง ๙ มี.ค.๒๒ เรื่อง การจัดหาเสื้อชูชีพ

หลักเกณฑ์การจ่ายเสื้อกันฝนและเสื้อกันหนาว

พธ.ทร. ได้กำหนดแนวทางในการจ่ายเสื้อกันฝนและเสื้อกันหนาวให้แก่หน่วยต่างๆ โดยกำหนดอัตราให้เป็นส่วนกลาง ดังนี้

      ๑. หน่วยเบิก หน่วยที่จะเบิกเสื้อกันฝนและเสื้อกันหนาวได้จะต้องเป็นหน่วยที่มีการจัดทหารยามเข้าเวรยามเช่นเดียวกับยามรักษาการณ์
      ๒. จำนวนเบิก ให้หน่วยที่มีสิทธิเบิก เบิกไว้เป็นส่วนกลางจำนวนไม่เกิน ๒ เท่า ของตำแหน่งยามใน ๑ ผลัด
      ๓. การเบิกเปลี่ยน เบิกเปลี่ยนได้เมื่อชำรุด ดดยจะต้องส่งของชำรุดคืน พธ.ทร. ตามจำนวนที่เบิกเปลี่ยน

แหล่งข้อมูล: อนุมัติ จก.พธ.ทร. ตามสำเนาบันทึก พธ.ทร. ที่ กห ๐๓๖๒/๕๒๒๖ ลง ๑๙ มิ.ย.๑๐ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเสื้อกันฝนและเสื้อกันหนาว

หลักเกณฑ์การเบิกเปลี่ยนเครื่องนอนประจำหน่วย

      ตามที่ พธ.ทร.ได้แจกจ่า่ยเครื่องนอนให้แก่หน่วยต่างๆ โดยกำหนดให้เป็นอัตราประจำหน่วย ซึ่งเมื่อชำรุดหรือเสื่อมสภาพให้สามารถเบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้นั้น เนื่องจาก พธ.ทร.ได้กำหนดอายุการใช้งานของเครื่องนอนไว้เพียงบางรายการเท่านั้น  ทำให้บางหน่วยเก็บรักษาเครื่องนอนไว้ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากเห็นว่า หากชำรุดหรือเสื่อมสภาพ หน่วยก็สามารถจะดำเนินการเบิกเปลี่ยนได้ตามหลักเกณฑ์ เป็นผลให้เครื่องนอนแต่ละหน่วยมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกัน และมีการเบิกเปลี่ยนบ่อยครั้ง ดังนั้น เพื่อให้การควบคุมการเบิกจ่ายเป็นไปด้วยความรัดกุมยิ่งขึ้น และจะเป็นการช่วยประหยัด งป.ของทางราชการได้อีกส่วนหนึ่ง พธ.ทร. จึงกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกเปลี่ยนเครื่องนอนเพื่อให้หน่วยผู้ใช้ได้ปฏิบัติให้เป็นไปในแนวเดียวกัน ดังนี้

      ๑.๑ ที่นอน กำหนดให้สามารถเบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อครบอายุการใช้งาน ๖ ปี และชำรุด
      ๑.๒ ผ้าปูที่นอน กำหนดให้สามารถเบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อครบอายุการใช้งาน ๒ ปี และชำรุด
      ๑.๓ ปลอกหมอน กำหนดให้สามารถเบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อครบอายุการใช้งาน ๒ ปี และชำรุด
      ๑.๔ หมอน กำหนดให้สามารถเบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อครบอายุการใช้งาน ๓ ปี และชำรุด
      ๑.๕ ผ้าห่มนอนนายทหาร - พันจ่า กำหนดให้สามารถเบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อครบอายุการใช้งาน ๓ ปี และชำรุด
      ๑.๖ ผ้าห่มจ่า - พล ฯ กำหนดให้สามารถเบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อครบอายุการใช้งาน ๓ ปี และชำรุด
       ๑.๗ มุ้ง กำหนดให้สามารถเบิกเปลี่ยน (คืนซาก) ได้เมื่อครบอายุการใช้งาน ๓ ปี และชำรุด  

แหล่งอ้างอิง : อนุมัติ จก.พธ.ทร. ตามบันทึก พธ.ทร. ที่ กห ๐๕๑๘/๒๖๒๔ ลง ๗ ส.ค.๓๒ เรื่อง หลักเกณฑ์การเบิกเปลี่ยนเครื่องนอนประจำหน่วย

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การบรรยายเรื่อง การจำหน่ายพัสดุ

     การจำหน่ายพัสดุเป็นการดำเนินการขั้นตอนหนึ่งตามวงรอบพัสดุหรือวงรอบการส่งกำลัง เพื่อนำพัสดุที่ชำรุด ซ่อมทำไม่คุ้มค่า หรือหมดความจำเป็นแล้วออกจากระบบการควบคุมพัสดุของทางราชการ  ร.อ.พัฒนพงษ์ อ่วมด้วง เป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในแผนกส่งกำลังบำรุงมาเป็นเวลานาน จึงมีความรู้เกี่ยวกับการจำหน่ายพัสดุเป็นอย่างดี โดยได้ไปบรรยายให้ความรู้่แก่หลักสูตรต่างๆ อยู่เป็นประจำ จึงขอนำ Power Point ของ ร.อ. พัฒนพงษ์ฯ ที่สอนในหลักสูตรต่างๆ มาเผยแพร่แบ่งปันกัน ซึ่งผู้สนใจสามารถศึกษาขั้นตอนและวิธีการในการจำหน่ายพัสดุได้ตามที่อยู่ข้างล่างนี้


วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การโอนข้าราชการไปรับราชการในหน่วยงานอื่นนอก ทร.



เนื่องจากในปัจจุบันอัตราการเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานของข้าราชการทหาร มีน้อยลง เพราะตำแหน่งที่จะบรรจุมีน้อยลง แต่จำนวนข้าราชการมีมากขึ้นในแต่ละชั้นยศ และด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เจริญเติบโตขึ้น  ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันสูงขึ้น  ข้าราชการทหารจึงจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อให้เข้ากับสภาพสังคมและการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เช่น ลดภาระค่าใช้จ่าย หารายได้เสริม เป็นต้น
อีกหนทางหนึ่งที่ข้าราชการทหารใช้แก้ไขปัญหาดังกล่าว คือการโอนย้ายไปรับราชการในหน่วยงานอื่นนอก ทร. เพราะนอกจากจะได้รับเงินเดือนเหมือนเดิมแล้ว ยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีก เช่น ได้อยู่ใกล้บ้านเกิด ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน เป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย เป็นต้น นอกจากนั้นบางหน่วยงานที่โอนไปรับราชการนั้น ให้ผลตอบแทนต่าง ๆ มากกว่า เช่น มีค่าตอบแทนพิเศษ (โบนัส) เป็นต้น จึงทำให้ข้าราชการทหารมีความประสงค์ที่จะโอนไปรับราชการในหน่วยงานอื่นนอก ทร. มากเพิ่มขึ้นทุกวัน
สำหรับการโอนข้าราชการไปรับราชการในหน่วยงานอื่นนอก ทร. ในส่วนของ พธ.ทร. มีระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องดังนี้
ž     1. ระเบียบ กห ว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ. 2529
ž        2. ประกาศ ทร. เรื่อง ชี้แจงแนวทางเกี่ยวกับการโอนข้าราชการ
ž        3. ข่าว กพ.ทร. ที่ 26/03/50 มวว.060900 มี.ค.50 (การเสนอหน่วยหัวหน้าสายวิทยาการ เพื่อขอความเห็นชอบ)
ž        4. บันทึกฝ่ายอำนวยการ ฯ ด่วน ที่ กห 0525.1/265 ลง 8 มี.ค.53 เรื่อง การแจ้งชะลอการบรรจุกำลังพลทดแทนให้หน่วยต่าง ๆ  กรณีกำลังพลขอโอนย้ายไปรับราชการที่หน่วยอื่นนอก กห. และกรณีขอเปลี่ยนพรรค- เหล่า
ž         
ขั้นตอนในการโอนข้าราชการไปรับราชการในหน่วยงานอื่นนอก ทร. มีดังนี้
1. เสนอรายงานตามลำดับชั้นถึง หน.นขต.ทร. ขออนุญาตไปติดต่อ หรือไปสมัครสอบแข่งขัน 
2. หน่วยต้นสังกัดเสนอหน่วยหัวหน้าสายวิทยาการ เพื่อขอความเห็นชอบ และเมื่อหน่วยหัวหน้าสายวิทยาการเห็นชอบแล้ว แจ้งหน่วยต้นสังกัดทราบ
3. หน่วยต้นสังกัดอนุญาต และมีหนังสือไปติดต่อหน่วยงานอื่นนอก ทร. เพื่อขอโอน เมื่อหน่วยงานอื่นนอก ทร. ตอบรับแล้ว เสนอเรื่องกลับมายังหน่วยต้นสังกัด
4 หน่วยต้นสังกัดตรวจสอบสัญญาข้อผูกพัน หรือหนี้สินใด ๆ กับทางราชการ  แล้วเสนอหน่วยหัวหน้าสายวิทยาการดำเนินการต่อไป
5 หน่วยหัวหน้าสายวิทยาการเสนอขออนุมัติ ทร. (ผ่าน กพ.ทร.)
6 เมื่อ ทร. (จก.กพ.ทร. รับคำสั่งฯ) อนุมัติแล้ว ให้หน่วยหัวหน้าสายวิทยาการ แจ้งให้หน่วยงานอื่นนอก ทร. ออกคำสั่งรับโอน
7 เมื่อหน่วยงานอื่นนอก ทร. ออกคำสั่งรับโอนแล้ว หน่วยหัวหน้าสายวิทยาการ ออกคำสั่งให้โอนและแจ้งหน่วยต้นสังกัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้หน่วยรับโอน (หนังสือรับรองจ่ายเงินเดือนครั้งสุดท้าย, สมุดประวัติรับราชการ, คำสั่งให้โอน และอื่น ๆ)
8. หน่วยต้นสังกัดจัดส่งเอกสารให้หน่วยรับโอน

ปัญหาที่เกิดขึ้นในการดำเนินการเรื่องการโอน
1.       ปัญหาการขาดแคลนกำลังพล  ไม่มีกำลังพลทดแทน ทำให้หลาย ๆ หน่วยงานระงับการโอนของข้าราชการไว้  ซึ่ง พธ.ทร. ก็ประสบปัญหาดังกล่าวเช่นกัน จึงต้องขอให้หน่วยต้นสังกัดของข้าราชการสายวิทยาการ พธ.ทร. พิจารณาไม่ขอรับการสนับสนุนกำลังพลทดแทนก่อนให้ความเห็นชอบ
2.       หน่วยงานที่รับโอนออกคำสั่งรับโอนก่อนที่ ทร. อนุมัติให้โอน แม้ว่าหน่วยรับโอนจะออกคำสั่งรับโอนเพื่อให้ข้าราชการไปปฏิบัติงานแล้ว แต่ข้าราชการทหารจะไม่สามารถไปปฏิบัติงานได้เลย จำเป็นจะต้องรอให้ ทร. อนุมัติให้โอนเสียก่อน จึงจะสามารถโอนไปรับราชการได้
3.       การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ขอโอนไปรับราชการ กรณีที่หน่วยรับโอนขอเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่รับโอนนั้น เพื่อเป็นความคล่องตัว ทร. ได้อนุมัติให้หน่วยต้นสังกัด สามารถดำเนินการได้เองตามความเหมาะสม
4.       การเปลี่ยนแปลงหน่วยงานที่ขอโอนไปรับราชการ จะต้องดำเนินการขออนุญาตไปติดต่อขอโอนใหม่และขออนุมัติ ทร. ใหม่อีกครั้ง


วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รูปแบบมาตรฐานเสาธงราชนาวีไทย




     จุดประสงค์ของการกำหนดรูปแบบของเสาธงราชนาวี เพื่อให้การก่อสร้างเสาธง ฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยภายใต้มาตรฐานหรือหลักเกณฑ์เดียวกัน ซึ่ง กห.ได้กำหนดแบบมาตรฐานเสาธงตามความสูงไว้ ๓ ขนาด เพื่อให้หน่วยใน กห.ใช้เป็นมาตรฐานในการก่อสร้าง (เสาธงขนาดใหญ่สูง ๓๐ ม., เสาธงขนาดกลางสูง ๑๔.๕ ม. และเสาธงขนาดเล็กสูง ๑๑ ม.) ทั้งนี้ กห.ได้อนุมัติให้ ทร.ใช้เสารธงราชนาวีเป็นแบบก่อสร้างแทนแบบมาตรฐาน กห. ได้ เนื่องจากเสาธงของ ทร. มีลักษณะเฉพาะ คือ มีพรวนและเสาก๊าฟ ดังนั้น ทร.จึงได้อนุมัติกำหนดให้จัดทำแบบเสาธง ฯ ตามแบบก่อสร้างของ ชย.ทร.ไว้ จำนวน ๕ ขนาด ดังนี้


๑.เสาธง ฯ สูง ๓๕ เมตร ตามแบบ ชย.ทร. หมายเลข ๓๙ - ๒ - ๐๓๖ (เสาธงแบบ ก.)ใช้กับหน่วยกำลังรบที่ ผบ.หน่วยชั้นยศ พล.ร.ท.ขึ้นไป และสถานที่สำคัญของ ทร. (เช่น สนามกีฬาราชนาวี) หรือหน่วยศึกษาขนาดใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ประกอบด้วยอาคารหลายหลัง เช่น รร.นร. และ รร.ชุมพล ฯ เป็นต้น
๒. เสาธง ฯ สูง ๒๕ เมตร ตามแบบ ชย.ทร. หมายเลข ๓๘ - ๒ - ๐๓๔ (เสาธงแบบ ข.)ใช้กับหน่วยกำลังรบที่ ผบ.หน่วยชั้นยศ พล.ร.ต. และหน่วยอื่น ๆ ที่ ผบ.หน่วยชั้นยศ พล.ร.ท.และ พล.ร.ต.
๓. เสาธง ฯ สูง ๑๖ เมตร ตามแบบ ชย.ทร. หมายเลข ๓๕ - ๓ - ๐๕๐ (เสาธงแบบ ค.)ใช้กับหน่วยกำลังรบระดับกองพันหรือ ผบ.หน่วยชั้นยศ น.ท.ขึ้นไป ซึ่งมีที่ตั้งแยกเป็นอิสระจากหน่วยเหนือ
๔. เสาธง ฯ สูง ๑๑ เมตร ตามแบบ ชย.ทร. หมายเลข ๓๘ - ๓ - ๐๖๕ (เสาธงแบบ ง.)ใช้กับหน่วยระดับต่ำกว่ากองพัน ซึ่งมีที่ตั้งแยกเป็นอิสระจากหน่วยเหนือ
๕. เสาธง ฯ สูง ๓ เมตร ตามแบบ ชย.ทร. หมายเลข ๓๙ - ๒ - ๑๑๕ (เสาธงแบบ จ.)ใช้กับหน่วยที่มีพื้นที่จำกัดและติดตั้งบนอาคาร

ที่มา: อนุมัติ ทร. ท้ายบันทึก กบ.ทร. ที่ต่อ กบ.ทร. เลขรับ ๕๒๐๑/๓๙ ลง ๒๘ พ.ย.๓๙ เรื่อง ขออนุมัติกำหนดรูปแบบมาตรฐานเสาธงราชนาวีประจำหน่วยต่าง ๆ ใน ทร.

     สำหรับความเหมาะสมของธงที่จะนำมาใช้กับเสาธงขนาดต่าง ๆ ตามข้างต้นนั้น พธ.ทร. ได้พิจารณาความเหมาะสมไว้ดังนี้
๑. เสาธง ฯ สูง ๓๕ เมตร * ขนาดธงราชนาวีที่พอเหมาะ - วันธรรมดา ขนาด ๖ แถบ - วันอาทิตย์/ขัตฤกษ์ ขนาด ๘ แถบ * ขนาดธงชั้นยศ - ขนาด ๓ แถบ
๒. เสาธง ฯ สูง ๒๕ เมตร * ขนาดธงราชนาวีที่พอเหมาะ - วันธรรมดา ขนาด ๔ แถบ - วันอาทิตย์/ขัตฤกษ์ ขนาด ๖ แถบ * ขนาดธงชั้นยศ - ขนาด ๒ แถบ
๓. เสาธง ฯ สูง ๑๖ เมตร * ขนาดธงราชนาวีที่พอเหมาะ - วันธรรมดา ขนาด ๓ แถบ - วันอาทิตย์/ขัตฤกษ์ ขนาด ๔ แถบ * ขนาดธงชั้นยศ - ขนาด ๒ แถบ
๔. เสาธง ฯ สูง ๑๑ เมตร * ขนาดธงราชนาวีที่พอเหมาะ - วันธรรมดา ขนาด ๒ แถบ - วันอาทิตย์/ขัตฤกษ์ ขนาด ๓ แถบ * ขนาดธงชั้นยศ - ขนาด ๒ แถบ
๕. เสาธง ฯ สูง ๓ เมตร * ขนาดธงราชนาวีที่พอเหมาะ - วันธรรมดา ขนาด ๒ แถบ - วันอาทิตย์/ขัตฤกษ์ ขนาด ๓ แถบ * ขนาดธงชั้นยศ - ขนาด - แถบ

หมายเหตุ : ธงประมวลราชนาวี (ธงราว) ที่ชักประดับในวันสำคัญ ๆ เป็นไปตามอัตราที่ พธ.ทร.กำหนด

เหตุใดราชนาวีไทยจึงเรียกขนาดของธงเป็น "แถบ"?

เหตุใดราชนาวีไทยจึงเรียกขนาดของธงเป็น "แถบ"? 






  การนับขนาดธงเป็น "แถบ" นั้น น่าจะนำมาจากราชนาวีอังกฤษ ซึ่งในสมัย ร.๕ ท่านได้ส่งพระราชโอรสหลายพระองค์ไปศึกษาในราชนาวีอังกฤษ เช่นในปี พ.ศ.๒๔๓๖ พระองค์ท่านได้ส่งเสด็จเตี่ยไปศึกษาในราชนาวีอังกฤษถึง ๗ ปี ซึ่งราชนาวีอังกฤษนั้น วัดขนาดธงเป็น BREADTH (BREADTH ในภาษาอังกฤษแปลว่าความกว้าง) และ 1 BREADTH มีความยาว ๙ นิ้วฟุต จึงเข้าใจว่า ราชนาวีไทยคงเลียนแบบราชนาวีอังกฤษ และคำว่า "แถบ" คงจะมาจาก BREADTH นี้เอง

แต่เมื่อพิจารณาขนาดของธงกองทัพเรือแล้ว "๑ แถบ" ของเราจะยาว ๑๘ นิ้วฟุต (วัดจากส่วนกว้างของธง) ซึ่งในปัจจุบัน กรมพลาธิการทหารเรือ จะเป็นหน่วยดำเนินการตัดเย็บและแจกจ่ายธงชนิดต่าง ๆ สนับสนุนให้กับหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพเรือ ซึ่งธงราชนาวีก็คือธงชาติชนิดหนึ่ง แต่กำหนดให้ใช้กับเรือหลวงและหน่วยราชการของทหารเรือบนบกเป็นกรณีพิเศษเทียบเท่าธงชาติ ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งปัจจุบันขนาดของธงจะมีขนาดตั้งแต่ ๑ แถบ จนถึง ๘ แถบ

ที่มา : จากคอลัมน์นานาสาระ หนังสือนาวิกศาสตร์ โดย พลเรือโท ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ (นำมาจากข้อเขียนของ พล.ร.อ.ประพัฒน์ จันทวิรัช อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ พล.ร.อ.ประพัฒน์ จันทวิรัช เมื่อ ๒๐ ก.ย.๔๖)

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การสนับสนุน นม.ชพ. ให้กับ อรม.อร. เป็นกรณีพิเศษ



การสนับสนุน นม.ชพ. ให้กับ อรม.อร. เป็นกรณีพิเศษ

วัน เวลา          วันพุธที่ ๓ ก.ค.๕๖ เวลา ๐๙๒๐ – ๐๙๔๐
สถานที่           บก.พธ.ทร.
ค้นต้นเรื่อง       พ.จ.อ.กรกฎ  อุลลา
คุณลิขิต           จ.อ.ศราวุฒิ  วงษ์พัฒน์
คุณอำนวย        น.ท.ทวีศักดิ์  สายแวว

          ข้าราชการทั่วไปใน ทร. อาจเข้าใจว่า พธ.ทร. มี กชพ.ฯ เป็นหน่วยดูแลรับผิดชอบเรื่อง นม.ชพ. เพียงหน่วยเดียว ความเข้าใจนี้ยังไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด เพราะว่ายังมีหน่วยงานอื่น ๆ ของ พธ.ทร. เกี่ยวข้องในขั้นตอนการพิจารณาสนับสนุนและการจัดหา ซึ่งในจำนวนนี้ได้รวม แผนกสถิติและกรรมวิธีข้อมูล บก.พธ.ทร. เข้าไว้ด้วย โดยทำหน้าที่เกี่ยวกับการพิจารณากำหนดอัตรา และการสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษ

          ในวันนี้ ผมจะขอแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษที่ได้สั่งสมมาตลอดช่วงเวลาที่ได้ทำงานที่แผนกสถิติฯ ให้ได้รับทราบกัน การสนับสนุน นม.ชพ. เป็นกรณีพิเศษ หมายถึงการสนับสนุน นม.ชพ. ให้กับหน่วยที่ปฏิบัติงานนอกเหนือไปจากงานธุรการปกติของหน่วย ซึ่งไม่สามารถคาดหมายเป็นการล่วงหน้าได้ หรืออาจเป็นการปฏิบัติที่เป็นครั้งคราวก็ได้ โดยภารกิจนั้นเป็นการปฏิบัตินอกที่ตั้งปกติมีรัศมีเกินกว่า ๕๐ กม. ซึ่งในการทำงานผมได้ยึดถือระเบียบ วิธีการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณาสนับสนุน ๔ ฉบับ คือ
          . วิธีปฏิบัติในการเบิกจ่าย นม.ชพ. หล่อลื่น และแก๊สชนิดต่าง ๆ พ.ศ.๒๕๕๒ ที่ พธ.ทร. กำหนด
          . อัตราความสิ้นเปลือง นม.ชพ. ของรถยนต์ประเภทต่าง ๆ ที่ ขส.ทร. กำหนด  
          . กรอบจำนวน นม.ชพ. กรณีพิเศษ ตามแผนปฏิบัติการจัดซื้อ/จ้าง ประจำปี งป.
          . คำสั่ง ทร. ที่ ๑๙๙/๕๓ เรื่อง การมอบอำนาจสั่งการและทำการแทนในนาม ผบ.ทร. (ด้านการส่งกำลังบำรุง ลำดับที่ ๒๙ ๕๙ และ ๖๐ ซึ่งมอบอำนาจให้ จก.พธ.ทร. อนุมัติจ่าย นม.ชพ. เป็นกรณีพิเศษได้ไม่เกินครั้งละ ๑๐๐,๐๐๐.- บาท หากเกินกว่านั้น ให้เสนอ ทร. (ผ่าน กบ.ทร.) และ รอง เสธ.ทร. รับคำสั่งฯ เป็นผู้อนุมัติ)
         
          ขั้นตอนการขอรับการสนับสนุน นม.ชพ. เป็นกรณีพิเศษก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ถ้าทุกหน่วยปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติที่ พธ.ทร. กำหนด โดยสรุปก็คือ
          - เริ่มต้นจากการที่หน่วยพิจารณาเห็นว่างานที่จะดำเนินการนั้น เข้าข่ายที่สามารถขอ นม.ชพ. เป็นกรณีพิเศษได้ตามที่กล่าวข้างต้น ก็ให้เสนอความต้องการเป็นบันทึกข้อความถึง พธ.ทร. (ผ่าน กชพ.ฯ) โดยแจ้งข้อมูลภารกิจ จำนวน นม.ชพ. ประเภทและอายุการใช้งานของยานพาหนะที่ใช้ ระยะทางไป-กลับ สถานีบริการ นม.ชพ. ที่จะขอรับการสนับสนุน เพื่อขออนุมัติเบิกยืม นม.ชพ. ไปใช้ราชการก่อน หากเป็นกรณีเร่งด่วนก็สามารถเสนอความต้องการทางข่าวราชนาวีได้ ซึ่งในระยะหลังมานี้ แทบจะทุกหน่วยใช้ข่าวราชนาวีเป็นหลัก อาจเป็นเพราะว่าสะดวกกว่า หรือบางทีก็อาจเป็นเพราะเจ้านายเซ็นหนังสือยาก (อันนี้ผมเดาเอาเองนะครับ)
          - จากนั้นหน่วยก็ใช้สำเนาบันทึกหรือข่าวนี้แหละ ไปเบิกยืม นม.ชพ. จากหน่วยควบคุมการจ่ายในพื้นที่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็คือ คลังเชื้อเพลิงกรุงเทพฯ ในพื้นที่สัตหีบก็คือ กชพ.ฯ ส่วนพื้นที่สงขลาและพังงา ก็คือ พธ.ฐท.สข. และ พธ.ฐท.พง. โดย กชพ.ฯ ดำเนินการในส่วนนี้ให้ทั้งหด เมื่อหน่วยควบคุมการจ่าย ออกใบสั่งจ่ายยืมให้แล้ว หน่วยก็สามารถเบิก นม.ชพ. ไปใช้ราชการได้ก่อน
          - เมื่อหน่วยดำเนินเสร็จสิ้นแล้ว ก็ดำเนินการเบิกผลักใช้ นม.ชพ. ที่ได้เบิกยืมไป โดยเสนอ พธ.ทร. (ผ่าน กชพ.ฯ) เหมือนตอนแรก และเมื่อ พธ.ทร. อนุมัติจ่ายเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน

ปัญหาคืออะไร
          เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนคงเห็นว่า วิธีการก็ง่ายดี ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรให้ปวดหัว ก็ถูกครับถึงจะดูง่าย แต่ในความง่ายก็ยังมีปัญหาให้เจ้าหน้าที่อย่างผมต้องพิจารณาเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น การเสนอข้อมูลของหน่วยไม่ครบถ้วน เช่น ประเภทและอายุการใช้งานของรถยนต์ อัตราความสิ้นเปลือง นม.ชพ. ที่ใช้คำนวณเพื่อเบิกยืม ถ้าไม่ถูกต้อง จำนวน นม.ชพ. ก็จะผิดไปเลย ถ้ายืมขาดจำนวนก็ดีครับยังมาเบิกเพิ่มเติมได้ แต่ถ้ายืมไปเกินแล้วไม่มีมาคืนปั๊มนี่ก็ยุ่งหน่อย เจ้าหน้าที่ต้องมาหาวิธีเคลียร์กันอีก

กรณีศึกษา
          ตัวอย่างที่ผมนำมาเสนอในวันนี้ เป็นการเสนอขอรับการสนับสนุน นม.ชพ. เป็นกรณีพิเศษของ อรม.อร. ในการใช้รถยนต์บรรทุกขนาดเล็กเดินทางไปเบิกพัสดุที่ อร. โดยมีระยะทางไป-กลับ ประมาณ ๔๐๐ กม. หน่วยแจ้งมาว่าจะใช้รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก ไม่บอกเลขทะเบียนสมอและอายุการใช้งานของรถ แจ้งอัตราความสิ้นเปลือง นม.ชพ. ไว้ที่ ๓.๕ กม./ลิตร แจ้งมาทางข่าวราชนาวี
                    - ขั้นแรกผมก็มาพิจารณาว่า การเดินทางมาครั้งนี้เข้าข่ายกรณีพิเศษหรือไม่ ก็ถือว่าผ่านเพราะการมาเบิกพัสดุไม่ได้ทำกันเป็นประจำ ส่วนรัศมีการปฏิบัติเกิน ๕๐ กม. แน่นอน
                    - ขั้นที่สองก็คือการตรวจสอบประเภทและอายุการใช้งานรถยนต์ อันนี้เป็นปัญหา เพราะรู้แต่ประเภทไม่รู้อายุการใช้งาน ผมก็ต้องใช้วิธีประสานไปที่กองรถยนต์ ขส.ทร. เพื่อขอทราบอายุการใช้งาน ปรากฏว่า ใช้งานมาแล้ว  ปี ดังนั้น รถยนต์คันนี้ก็จะมีอัตราความสิ้นเปลืองอยู่ที่  กม./ลิตร
                    - ขั้นสุดท้าย คือ สรุปเสนอ ตรงนี้ผมไม่สามารถแก้ไขข้อมูลอะไรได้เลยเพราะว่า เรื่องทั้งหมดเมื่อมาถึงแผนกสถิติฯ ได้ปฏิบัติไปแล้วทั้งสิ้น โดยได้เบิกยืม นม.ชพ. จากหน่วยควบคุมการจ่าย สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดคือ แจ้ง หน.แผนก และ ประสาน กชพ.ฯ ทราบ เพื่อที่ว่าในขั้นตอนที่หน่วยเสนอขออนุมัติเบิกผลักใช้ จะได้คำนวณตัวเลขและเบิกผลักใช้ให้ถูกต้อง

ข้อเสนอแนะ
          ผมคิดว่าถึงแม้ พธ.ทร. จะกำหนดวิธีปฏิบัติในการเบิกจ่าย นม.ชพ. เพื่อแนะนำหน่วยต่าง ๆ ไว้ครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่จากการปฏิบัติงานจริง จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ของหน่วยบางนายยังไม่เข้าใจอย่างแท้จริง อาจเป็นเพราะวิธีปฏิบัติเป็นการเขียนข้อความอธิบายขั้นตอน แล้วให้หน่วยดำเนินการมาเอง จึงมีความแตกต่างกันในเรื่องรูปแบบ รวมทั้งข้อมูลที่ไม่คบถ้วน วิธีการแก้ปัญหาที่น่าจะได้ผลดี ก็คือ การจัดทำแบบฟอร์มสำหรับการเบิก นม.ชพ. กรณีพิเศษ เพื่อใช้งานทั้ง ทร. ในลักษณะเดียวกับหน่วยสนับสนุนอื่น ๆ อย่างเช่น ชย.ทร. ที่มีแบบรายงานการซ่อมทำ การทำแบบนี้นอกจากจะได้ข้อมูลครบถ้วนเป็นแนวทางเดียวกัน การพิจารณาของหน่วยเกี่ยวข้องตาขั้นตอนต่าง ๆ จะทำได้รวดเร็ว กระชับ ลดระยะเวลาการทำงานได้อีกด้วย

ประโยชน์ที่ได้รับจากการแบ่งปันความรู้ในครั้งนี้
          ๑.  ปัญหาข้อขัดข้องในการสนับสนุน นม.ชพ. กรณีพิเศษ ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนในเบื้องต้น และต้องปฏิบัติไปก่อน แต่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้เมื่อตรวจพบ และประสานหน่วยเกี่ยวข้องทราบ เพื่อเตรียมการแก้ไข
๒.  แนวทางการพัฒนาวิธีการสนับสนุน นม.ชพ. กรณีพิเศษ ให้กับหน่วยต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ปฏิทินการจัดการความรู้