ในปีงบประมาณ ๒๒ ร.ล.มกุฎราชกุมาร ขอให้ พธ.ทร. จัดหาเสื้อชูชีพทดแทนของเดิมที่ชำรุด โดยขอให้เปลี่ยนชนิดจากชนิดพยุงคอหรือพยุงอก เป็นชนิดเป่าลม เนื่องจากเสื้อชูชีพชนิดเดิมมีขนาดใหญ่ มีส่วนยื่นพ้นออกออกมา จึงกีดขวางการปฏิบัติงานของผู้สวมใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฏิบัติงานในที่คับแคบ
จากเหตุผลตามข้างต้น ยก.ทร.ได้มีบันทึกเสนอ กร. เพื่อชี้แจงความเข้าใจในหลักเกณฑ์การใช้เสื้อชูชีพสำหรับหน่วยเรือดังนี้
การใช้เสื้อชูชีพสำหรับพลประจำเรือมีความต้องการอยู่ ๒ ลักษณะ คือ
ลักษณะ ๑ ผู้ใช้สามารถช่วยตัวเองได้ ได้แก่ผู้ปฏิบัติงานใต้ดาดฟ้าเรือในห้องที่มิดชิด ผู้ใช้ลักษณะนี้จะต้องสามารถเคลื่อนตัวออกไปภายนอกได้ จึงมีความสามารถใช้เสื้อชูชีพได้ทุกชนิด การพิจารณาจะใช้เสื้อชูชีพชนิดใดขึ้นอยู่กับความคล่องตัวในการปฏิบัติงานเป็นหลัก จึงเป็นการสมควรใช้เสื้อชูชีพชนิดเป่าลม เพราะไม่เกะกะ แต่เนื่องด้วยเสื้่อชูชีพชนิดเป่าลมมีราคาสูงและบำรุงรักษายากกว่าชนิดพยุงอกหรือพยุงคอ แต่เมื่อพิจารณาถึงการปฏิบัติงานที่ต้องการความคล่องตัวในที่แคบเพื่อจะใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและต้องการความรวดเร็วแล้ว เห็นว่าคุ้มค่า ในด้านการบำรุงรักษา สมควรให้ทางเรือได้ปฏิบัติโดยถูกต้อง ก็จะลดปัญหาเรื่องความเสื่อมสภาพลงได้ และบนเรือรุ่นใหม่ย่อมมีสถานที่เก็บรักษาได้ดี ส่วนการฝึกหรือทดสอบนั้น สามารถกระทำได้ตามระยะเวลา โดยทดสอบเป็นบางตัวด้วยวิธีสุ่ม
ลักษณะ ๒ ผู้ใช้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานบนดาดฟ้าและเป็นงานที่มีลักษณะอันอาจพลัดตกน้ำได้ในอาการที่หมดสติ เช่น พลประจำปืนบนดาดฟ้าหรือนอกป้อม การรับส่งสิ่งของในทะเล การปล่อยอุปกรณ์การทุ่นระเบิดและอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน จึงเห็นสมควรให้ใช้เสื้อชูชีพชนิดพยุงอกหรือพยุงคอ ดังนั้น การใช้่เสื้อชูชีพบนเรือจึงสมควรมีเสื้อชูชีพทั้ง ๒ ชนิด แต่ละชนิดจะมีจำนวนเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติงานของเรือต่าง ๆ หากในกรณีที่สามารถพิจารณาแล้วใช้ได้ทั้ง ๒ ชนิด ก็ให้พิจารณาใช้ชนิดพยุงอกหรือพยุงคอเป็นอันดับแรก ส่วนการจัดหานั้นให้จัดหาทดแทนเมื่อของเดิมชำรุด
แหล่งข้อมูล: บันทึก ยก.ทร. ที่ต่อ ยก.ทร. รับที่ ๗๔๐/๒๒ ลง ๙ มี.ค.๒๒ เรื่อง การจัดหาเสื้อชูชีพ
วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น